• ตะแบกนา



    หัวข้อ
    รายละเอียด
    ชื่อสามัญ Thai crape myrtle
    ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Lagerstroemia floribunda Jack var. cuspidata C.B.Clarke
    วงศ์ LYTHRACEAE
    ชื่อพื้นเมือง เปื๋อยด้อง เปื๋อยนา เปื๋อยหางค่าง (ภาคเหนือ), ตะแบกไข่(ราชบุรี), กระแบก ตะเเบก (ภาคกลาง)
    ลักษณะเด่น ไม้พุ่มหรือไม้ต้น สูงได้ถึง 25 ม. เปลือกบาง ใบเรียงตรงข้าม ส่วนมากรูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 6–20 ซม. แผ่นใบค่อนข้างเกลี้ยง ก้านใบยาว 2–7 มม. ช่อดอกยาว 20–50 ซม. มีขนกระจุกสั้นนุ่มหนาแน่น ก้านดอกเทียมยาว 2–4 มม. หลอดกลีบเลี้ยงยาว 5–6 มม. มี 10–12 สัน หรือไม่ชัดเจน มีขนกระจุกสีน้ำตาลหนาแน่น ปลายแยกเป็น 6 กลีบ รูปสามเหลี่ยม ยาว 3–4 มม. มีหรือไม่มีติ่งระหว่างกลีบ ดอกสีชมพูหรือม่วง สีขาวซีดในดอกแก่ มี 6 กลีบ รูปขอบขนาน ยาว 0.8–1.5 ซม. ก้านกลีบยาว 2–3 มม. เกสรเพศผู้วงนอก 6–7 อัน รังไข่มีขนสั้นนุ่มหนาแน่น ผลรูปรี ยาว 1.2–1.8 ซม. มีขนประปราย หนาแน่นช่วงปลายผล
    สรรพคุณ ราก แก้ปวดกล้ามเนื้อ เปลือก เป็นยาแก้บิด แก้ท้องร่วง บำรุงโลหิต ขับระดูขาว เป็นยาแก้ลงแดง และมูกเลือด ใบ แก้ไข้บำรุงตับ บำรุงปอด บำรุงหัวใจ ดอก เป็นยาแก้ลมกองละเอียด ได้แก่ อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น แก้ไข้ร้อน แก้เสมหะ รักษาอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต
    ข้อควรระวัง ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากเกินที่กำหนดได้ในตำรับตำรายาต่างๆ และไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
    บริเวณที่พบ บึงพระลักษณ์ฝั่งถนนหลังมหาลัย